About us
CHATCHAI SUKSATIT.TCM,D
Doctor of Chinese Medicine
![NTF_4586_edited.jpg](https://static.wixstatic.com/media/63c09f_31a7f97e87b44355ad7c6c4fb3d20964~mv2.jpg/v1/crop/x_447,y_142,w_1488,h_1194/fill/w_353,h_284,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/NTF_4586_edited.jpg)
คลินิกแพทย์จีนฉัตรชัย ก่อตั้งขึ้นโดย พจ.ฉัตรชัย สุขสถิตย์ แพทย์ผู้มีความชำนาญเฉพาะทางด้านการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีน ฝังเข็มและ การใช้ยาสมุนไพรจีนมากกว่า10ปี จบการศึกษา จากมหาวิทยาลัยหัวเฉียว และ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ ประเทศจีน
แพทย์จีนผู้มีปณิธานตั้งมั่นในการดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยศาสตร์ ธรรมชาติบำบัดที่มีมายาวนานกว่า 3000ปี ทีมงานแพทย์จีนฉัตรชัยสุขสถิต มุ่งเน้นคุณภาพการรักษาที่มีมาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุขเพื่อรองรับผู้ป่วย ตัวอาคารคลินิกแพทย์จีนฉัตรชัยออกแบบ โดยคำนึงการหมุนเวียนพลังงานลม ภายในอาคารมีสะดวกสบายและปลอดภัย บรรยากาศล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียว ร่มรื่น เย็นสบาย ตัวอาคารออกแบบให้เพดานสูงโปรง สะอาด เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ภายในห้องรักษาติดกับสวนสีเขียวเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย มีการแยกห้องการรักษาเพื่อความเป็นส่วนตัว
การแพทย์แผนจีน
ศาสตร์แห่งการปรับสมดุล
การแพทย์แผนจีน ศาสตร์แห่งการปรับสมดุล
ปัจจุบันการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์ทางเลือกและการแพทย์ผสมผสานเป็นที่ยอมอย่างแพร่หลาย ทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ หลายครั้งที่อาการป่วยบางอย่างไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน แต่กลับมีอาการดีขึ้นจนถึงหายดีเมื่อได้รับการรักษาด้วยแพทย์แผนอื่นๆ ซึ่งศาสตร์การแพทย์แผนจีน ก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ และองค์การอนามัยโลก (WTO) ก็ได้ให้การยอมรับถึงมาตรฐานและยืนยันผลการรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนจีนในกลุ่มอาการป่วยบางอาการ ทำให้หลายคนหันมาสนใจรักษาอาการป่วยรวมถึงการดูแลตัวเองตามหลักการของแพทย์แผนจีนมากขึ้น
![hookah-still-life-assortment.jpg](https://static.wixstatic.com/media/ce3281_fd85c53eb0ee4ba3837eb284e09cebfb~mv2.jpg/v1/crop/x_1082,y_0,w_4753,h_4160/fill/w_457,h_400,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/hookah-still-life-assortment.jpg)
การรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน ?
"การรักษาในแบบของการแพทย์แผนจีนจะเป็นการรักษาที่มองแบบองค์รวม แพทย์จีนจะมองถึงการทำงานร่วมกันของอวัยวะ ไม่มองเพียงแค่แต่ละอวัยวะ ยกตัวอย่างเช่น อาการไอเรื้อรัง แพทย์แผนปัจจุบันจะมองตำแหน่งที่เกิดคือปอดและมุ่งรักษาปอดเพียงอย่างเดียว ขณะที่แพทย์จีนจะไม่มองว่ามีเพียงแค่ปอดอย่างเดียวที่ทำให้เกิดการไอเท่านั้นการไออาจเกิดจากกระเพาะเย็นร่วมด้วย(กินของเย็นแล้วไอมากกว่าเดิม) แพทย์แผนจีนนอกจากจะรักษาอาการไอแล้วยังปรับสมดุลของกระเพาะและม้ามไปพร้อมกัน ดังนั้นอาการไอเรื้อรังจึงอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับปอดเพียงอย่างเดียว"
"พื้นฐานของแพทย์แผนจีนคือการปรับของธาตุไม้ (木) ธาตุดิน (土) ธาตุน้ำ (水) ธาตุทอง
(金) และธาตุไฟ (火) ในร่างกายทำให้เกิดอาการป่วย
![iStock-508489510.jpg](https://static.wixstatic.com/media/e5f13d_224953dab3da4962bb94612082a050bb~mv2.jpg/v1/fill/w_123,h_64,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/iStock-508489510.jpg)
ศาสตร์การแพทย์แผนจีนเป็นศาสตร์แพทย์ทางเลือกของผู้ป่วย ที่สามารถช่วยป้องกัน รักษา และฟื้นฟูโรคที่เป็นเรื้อรังได้ผลดีมาก หรือใช้รักษาควบคู่ไปกับการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ องค์การอนามัยโลก WHO ได้ให้การยอมรับการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน ปัจจุบันมีงานวิจัยต่างๆมากมายเกี่ยวกับการรักษาและการใช้ยาสมุนไพรในการรักษา รวมถึงมีหลักสูตร แพทย์จีนมหาบัณฑิตจำนวนมากขึ้น บรรจุเป็นอีกหนึ่งหลักสูตร องค์การอณามัยโลก WHO ได้ให้การยอมรับว่า การฝังเข็มรักษาโรคได้ผลดีเยี่ยม ตามงานวิจัยต่างๆมากมาย โดยแยกออกเป็นกลุ่มการรักษาได้ผลดีมาก เช่น กลุ่มอาการปวดต่างๆ ปวดไมเกรน ปวดกร้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ ( Office Syndrom) ปวดหลังเนื่องจากกระดูกทับเส้น ไหล่ติด ปวดข้อมือ ปวดหัวเข่า เส้นเอ็นข้อพลิก เหล่านี้จะได้ผลดีมากหลังจากที่ได้รับการฝังเข็ม
วิธีการรักษาแบบแพทย์แผนจีนที่หลายคนคุ้นเคย คือการฝังเข็ม ครอบแก้ว รมยา นวด จัดกระดูก และการทานยาสมุนไพรจีน ซึ่งช่วยรักษาอาการปวดต่าง ๆ อย่างได้ผลดี และหลายคนก็เกิดข้อสงสัยว่าการฝังเข็มที่ไม่ได้มีตัวยาอยู่ในเข็มนั้นจะสามารถรักษาอาการป่วยได้อย่างไร พจ.ฉัตรชัย จึงได้อธิบายถึงหลักการรักษาให้เข้าใจ
“หลักของตรรกวิทยาแพทย์จีนได้ล่าวไว้ว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบจากสิ่ง 365 สิ่ง (เท่ากับ 365 วัน) มีเส้นลมปราณ 12 เส้น (เท่ากับ 12 เดือน)มีเส้นเลือดใหญ่ 4 เส้น (เท่ากับ 4 ฤดูกาล) ดังนั้นการแพทย์แผนจีนจึงเป็นการรักษาแบบองค์รวมโดยอิงหลักการธรรมชาติเข้ามาเป็นบรรทัดฐาน การฝังเข็ม
เป็นการปักเข็มลงไปใต้ผิวหนังเพื่อกระตุ้นเส้นลมปราณที่มีอยู่ทั่วร่างกาย โดยเข็มจะเข้าไปกระตุ้นให้หลอดเลือดบริวณนั้นขยายตัวและยังมีผลต่ออวัยวะอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปด้วย ซึ่งจะมีผลต่อร่างกายที่ช่วยระงับอาการเจ็บปวดและลดการอักเสบทำให้อาการปวดลดลง หากจะอธิบายในด้านการรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตก คือ กล้ามเนื้อบริเวณที่บาดเจ็บเกิดการหดเกร็งทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวกจึงเกิดเลือดคั่ง การฝังเข็มช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวและทำให้หลอดเลือดบริเวณนั้นขยายตัว การหดเกร็งและการบาดเจ็บจึงลดลง การฝังเข็มยังสามารถกระตุ้นสมองให้มีการหลั่งสารสื่อประสาทในร่างกายออกมาหลายชนิดที่สำคัญคือ เอ็นโดรฟิน สารตัวนี้มีฤทธิ์ระงับปวดที่แรงมากเมื่อเทียบกับฤทธิ์ของมอร์ฟีนเพราะเป็นสารที่ร่างกายเราหลั่งออกมาเองจึงไม่มีโทษต่อร่างกาย การฝังเข็มจึงมีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวดและปรับสมดุลให้กับร่างกายสู่สภาวะปกติได้"
![](https://static.wixstatic.com/media/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg/v1/fill/w_150,h_55,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg)
การครอบแก้ว คือ การใช้ความร้อนขับไล่อากาศภายในถ้วยแก้วออกจนเกิดสูญญกาศขึ้นและวางบริเวณจุดเส้นลมปราณบนร่างกาย เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวก ลดอาการปวดเมื่อย กำจัดความชื้น สารพิษที่ตกค้างในร่างกายและยังช่วยป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
การรมยาคือ วิธีการรักษาโรคโดยเผาโกฐจุฬาจีนรมผิวหนังเพื่อกระตุ้นประสาท เป็นการรักษากลุ่มอาการที่เกิดจากความชื้น ความเย็น โดยใช้เข็มเป็นสื่อกลางในการนำพาความอบอุ่นเข้าสู่เส้นลมปราณ เมื่อเส้นลมปราณอุ่นก็จะทำให้ความชื้นและความเย็นสลายไป
ทุยหนาหรือการนวดแบบจีน คือศาสตร์การนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อและจัดกระดูกให้เข้าที่หรือเป็นปกติด้วยมือ ซึ่งจะต้องมีการตรวจวินิจฉัยว่าเกิดจากสาเหตุอะไรจึงจะเริ่มรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น โดยการนวดผ่อนคลาย กดจุด และจัดกระดูก ใช้เวลารักษาประมาณ 15-30 นาที
กัวซา เป็นการขูดไปตามเส้นลมปราณเพื่อช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวกขึ้นและยังระบายสารพิษทางผิวหนัง ขจัดความร้อนส่วนเกิน ลดอาการตึงและปวดกล้ามเนื้อด้วย "หลักการเดียวกันคือการขยายหลอดเลือด ลดอาการปวด แต่ประสิทธิภาพของการรักษาในแต่ละวิธีก็จะแตกต่างกัน จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าจะใช้วิธีการรักษาแบบไหนจึงจะเห็นผลชัดเจน บางคนอาจจะต้องใช้ทุกวิธี เช่น ผู้ที่เป็นออฟฟิศชินโดรมจะต้องใช้ทั้งการฝังเข็ม ครอบแก้ว การนวดทุยหนา และการจัดกระดูก หัวใจสำคัญของแพทย์แผนจีนคือ การรักษาแบบองค์รวมที่มีหลักการตรวจวินิจฉัยคือ ถาม ดู ฟังและคลำ(แมะ) สำคัญที่สุด โดยแพทย์จะเริ่มตั้งแต่การถาม ดู ฟัง และตรวจแมะหรือจับชีพจร เพื่อให้ทราบถึงความผิดปกติของอวัยวะภายใน เพราะแต่ละตำแหน่งจะหมายถึงอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่นหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจ ตับและถุงน้ำดี ไตและกระเพาะปัสสาวะ ปอดและลำไส้ใหญ่ ม้ามและกระเพาะอาหาร และระบบสืบพันธุ์ เมื่อจับแล้วจะรู้ว่าตรงไหนเริ่มเกิดความผิดปกติ"นอกจากนี้ในบางครั้งอาจมีการใช้ สมุนไพรจีนควบคู่
ไปกับการรักษาเพื่อประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น เป็นการรักษาจากภายในสู่ภายนอก เพราะในบางครั้งการฝังเข็มเพียงอย่าเดียว
อาจจะไม่รักษาอาการได้อย่างสมบูรณ์"ใครที่สังเกตตัวเองว่ามีความผิดปกติตรงไหนแล้วหาคำตอบไม่ได้ก็ลองเข้ามาปรึกษาดูก่อนก็ได้ว่าอาการที่เราเป็นมันเกิดจากอะไรหรือกลุ่มผู้รักษาสุขภาพก็สามารถรับการตรวจได้หากอยากจะรู้ว่าร่างกายเราเสียสมดุลตรงไหนบ้าง เพื่อจะได้ช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น"
![](https://static.wixstatic.com/media/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg/v1/fill/w_99,h_36,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg)
การครอบแก้ว คือ การใช้ความร้อนขับไล่อากาศภายในถ้วยแก้วออกจนเกิดสูญญกาศขึ้นและวางบริเวณจุดเส้นลมปราณบนร่างกาย เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวก ลดอาการปวดเมื่อย กำจัดความชื้น สารพิษที่ตกค้างในร่างกายและยังช่วยป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
การรมยาคือ วิธีการรักษาโรคโดยเผาโกฐจุฬาจีนรมผิวหนังเพื่อกระตุ้นประสาท เป็นการรักษากลุ่มอาการที่เกิดจากความชื้น ความเย็น โดยใช้เข็มเป็นสื่อกลางในการนำพาความอบอุ่นเข้าสู่เส้นลมปราณ เมื่อเส้นลมปราณอุ่นก็จะทำให้ความชื้นและความเย็นสลายไป
![](https://static.wixstatic.com/media/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg/v1/fill/w_99,h_36,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,blur_2,enc_auto/e5f13d_78d5d911adf246029c796a9b7ef4a5e8~mv2.jpg)